วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หลักปฏิบัติชาวพุทธ เบญจศีล(ศีล5)

     ในการที่จะอยู่ร่วมกันได้ภายในสังคมหนึ่งๆนั้น แต่งละคน ซึ่งเป็นสมาชิกของสังคมจะเป็นที่จะต้องทำตนให้ตัวเองเป็นคนเต็มคน ที่เรียกกันว่าเป็นมนุษย์ หรือเป็นคนทั้ง 100% เพื่อให้การอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่นดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อยและ มีความสงบสุข เกิดความสุข ไม่มีเวรมีภัยต่อกันและกัน โดยหลักธรรมที่จะช่วยทำคนให้เป็นให้เป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์อันส่งผลให้การอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขสงบนั้นก็คือ เบญจศีลเบญจธรรม หรือที่เราเรียกกันว่า”ศีล5”ประกอบไปด้วย

รักษาศีล 5

ข้อที่1 ปาณาติปาตา เวรมณี

หมายถึงการงดเว้นจากการเข่นฆ่า การเบียดเบียนไม่ว่าจะด้วยทางหนึ่งทางใด การทำร้ายร่างกายรวมทั้งจิตใจมนุษย์และสัตว์ นอกจากนี้ยังมีจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก และมีความสงสาร เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงสัตว์อื่นๆด้วย

รักษาศีล 5

ข้อที่2 อทินนาทานา เวรมณี

คือการมีเจตนาที่งดเว้นจากการถือเอาสิ่งของใดๆที่เจ้าของไม่ได้ยินยอมยกให้ด้วยการขโมย พูดง่ายๆคือการละวันจากการลักขโยทรัพย์สินของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการ ลักขโมย ฉก ชิงการ วิ่งราว ขู่กรรโชกทรัพย์ ขู่เข็ญ ปล้นจี้ ตู่ ฉ้อโกง หลอก ลวง ปลอมแปลง เบียดบังผู้อื่น สับเปลี่ยนสิ่งใดๆ ลักลอบกระทำ ยักยอกทรัพย์สิน และรับสินบนที่ผิดจริยธรรม นอกจากนี้ยังพึงเป็นผู้ที่มีความขยันในการประกอบสัมมาชีพของตน รวมทั้งยังคอยบริจาคทาน  เคารพในทรัพย์สินที่เป็นของผู้อื่น

รักษาศีล 5

ข้อที่3.กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี

หมายถึงการมีเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม สำหรับฝ่ายชายแล้วบุคคลต้องห้ามกระทำได้แก่หญิงที่ยังเป็นภรรยาคนอื่นอยู่ หญิงที่ยังอยู่ในความดูแลของคนอื่น เช่น พ่อแม่ และหญิงที่อยู่ในจารีตเช่น หญิงใดก็ตามที่เป็นเครือญาติ รวมไปถึงหญิงที่ถือพรหมจรรย์ เช่น แม่ชี เป็นต้น ส่วนบุคคลต้องห้ามสำหรับฝ่ายหญิงได้แก่ ชายใดก็ตายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีคนอื่น และชายที่อยู่ในจารีต เช่น พ่อ ปู่ ตา หรือใครก็แล้วแต่ที่เป็นเครือญาติ รวมไปถึงนักบวชที่ถือพรหมจรรย์เช่ พระสงฆ์เป็นต้น

ทั้งสองฝ่ายชายและหญิง ไม่ใช่เฉพาะแค่ห้ามร่วมประเวณีกันเท่านั้น แต่รวมไปถึงการเคล้าคลึง เล้าโลม การพูดจาเกี้ยวพาราสี หลอกล่อ หรือแม้แต่การแสดงอาการออกมาผ่านทางสายตา คำพูด การกระทำอื่นๆ เป็นต้น แค่นี้ก็เรียกได้แล้วว่าเป็น การละเมิดศีลข้อ3  นอกจากจะไม่ล่วงละเมิดทำผิดในศีลข้อนี้แล้ว ยังจะต้องเป็นผู้สำสวมในกาม รักเดียวใจเดียวเฉพาะภรรยาของตนเองเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่าเป็น สทารสันโดษ สำหรับผู้หญิงก็ให้ จงรักภักดีแค่สามีของตนเองเท่านั้น หรือที่เรียกว่า ปติวัตร  ส่วนถ้ายังไม่ได้แต่งงาน ก็จะต้องมีกามสังวร คือการตั้งตนให้อยู่ในขนบธรรมเนียมเพณีที่ดีงาม มีวัฒนธรรมอันดีที่เรียกว่า "เข้าตามตรอกออกตามประตู" ไม่ชิงสุกก่อนห่าม

รักษาศีล 5

ข้อที่4 มุสาวาทา เวรมณี

หรือการมีเจตนาเป็นเครืองงดเว้นแล้วจากการพูดเท็จหรือการพูดจาโป้ปด ด้แก่ คำพูดที่เป็นจริง ไม่ทำตามสาบาน เล่นเล่ห์กระเท่ห์ ทำมารยา เอากิเลสมาล่อ การพูดเสริมความ ต่อเติมเสริมแต่งให้ผิดเพี้ยน พูดจาเสียดแทง  ผิดสัญญา เสียคำสัตย์ และพูดแล้วคืนคำ นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้รักในสัจจะ จะพูดแต่ความจริง ยึดถือในความสัตย์จริง ด้วยความจริงใจต่อคนอื่นและความปรารถนาดีต่อผู้ฟังเท่านั้น

รักษาศีล 5

ข้อที่5 สุราเมรยะมัชชะปมาทัฏฐานา เวรมณี

คือการมีเจตนาเป็นเครืองงเว้นแล้วจากการดื่มน้ำเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท พูดง่ายๆก็คือการดื่มเหล่าเบียร์แอลกอฮอล์ต่างๆอันทำให้ขาดสติ ไม่ว่าจะเป็น สุรา เมรัย หรือเครื่องดื่มมึนเมาอื่น ๆ รวมไปถึงเสพยาเสพติดอื่นๆ เช่น ฝิ่นมอร์ฟีน กัญชา ยาบ้า หรือแม้แต่การสูบบุหรี่ รวมไปถึงการเป็นผู้ประกอบค้าขายด้วย อกจากนี้ยังควรมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในการประกอบกิจการต่างๆทั้งปวง และยังเป็นผู้ไม่ตั้งตนอยู่บนความประมาทในชีวิต หน้าที่ การงาน  วัย เพศ อีกด้วย

ผู้ใดที่จะนับว่าเป็นคนเต็มคนทั้ง 100%แล้วนั้น จำเป็นจะต้องเป็นมีการดำเนินชีวิตประจำวันทั่วไปที่ประกอบไปด้วยเบญจศีลเบญจธรรมทั้ง 5ประการ ซึ่งก็ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าหากว่าเราขาดไป ๑ ประเด็น ก็จะเป็นคนได้เพียงแค่ 80 % หรือถ้าขาดไป 2 ประเด็นก็เป็นคนเพียง 60 %เท่านั้น ถือว่าเป็นเพียงหลักการขั้นพื้นฐาน ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอน โดยมุ่งเน้นให้ชาวพุทธได้ยึดถือ ประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อจะได้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ทำให้เกิดความสงบสุขภายในสังคม

1 ความคิดเห็น: